หลังจากที่ออกสตาร์ทสวยหรู ทำประตูได้ตั้งแต่นัดแรก แต่ไปๆ มาๆ ตอนนี้ดูเหมือนยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่า สไตล์การเล่นของ โรเมลู ลูกากู ไม่ค่อยจะเหมาะกับ เชลซี ภายใต้การนำทัพของกุนซือ โธมัส ทูเคิ่ล และมันก็ยิ่งตอกย้ำเรื่องดังกล่าว หลังจากที่ ทูเคิ่ล เลือกใช้งาน ไค ฮาแวร์ตซ์ เป็นตัวจริงในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ที่ "สิงห์บลูส์" เปิดบ้านเชือดนิ่ม ลีลล์ 2-0 เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา
     แน่นอนว่า ทั้งสองมีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดย ฮาแวร์ตซ์ เป็นตัวรุกที่เล่นได้หลากหลายรูปแบบ และช่วงนี้มักจะถูกใช้งานในบทบาทของ "false 9" ส่วน ลูกากู เป็นหัวหอกตัวเป้า ที่มีหน้าที่คอยจบสกอร์เป็นหลัก และถือเป็นตัวความหวังสูงสุดในเรื่องการทำประตู แต่จากสถิติล่าสุดที่ทาง The Sun สื่อดังอังกฤษ นำเสนอนั้น ได้ชี้ให้เห็นว่า เชลซี มีผลงานดีกว่า เมื่อ ลูกากู ไม่ได้ลงสนามช่วยทีม ขณะเดียวกัน ฮาแวร์ตซ์ กลับมีส่วนร่วมกับเกม และทำตัวมีประโยชน์มากกว่า เมื่อเทียบกับ ดาวยิงร่างยักษ์ทีมชาติเบลเยียมวัย 28 ปี ที่คัมแบ็กสู่ถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ (ย้ายจาก อินเตอร์ มิลาน) เมื่อช่วงซัมเมอร์ปีที่แล้ว ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 97.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,290 ล้านบาท)

     จากตารางข้างบนนี้เผยให้เห็นว่า เชลซี ไร้พ่าย! จาก 14 เกมที่ ลูกากู ไม่ได้ลงเล่น และมีสถิตชนะแค่ 50% เท่านั้น จาก 28 เกมที่มี อดีตกองหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ในสนาม โดยในทางตรงกันข้าม เชลซี ดันมีผลงานดีมาก (ชนะ 20 จาก 30 เกม) แถมทำประตูได้อย่างมากมาย (63 ลูก) เมื่อมี ฮาแวร์ตซ์ ลงเล่น แต่จะมีปัญหาเรื่องเก็บชัยชนะ รวมถึงการทำประตูทันที ยามปราศจาก สตาร์ทีมชาติเยอรมนีวัย 22 ปี ซึ่งข้อมูลตรงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างของผลงาน เชลซี ชัดเจน ระหว่างมี/ไม่มี ลูกากู กับ มี/ไม่มี ฮาแวร์ตซ์

     ที่น่าแปลกใจอีกอย่างคือ จนถึงตอนนี้ในฤดูกาลปัจจุบัน ลูกากู กับ ฮาแวร์ตซ์ มีจำนวนนาทีลงเล่นเท่ากันพอดิบพอดี (1,981 นาที) แม้ ลูกากู ทำประตูได้มากกว่า ฮาแวร์ตซ์ (10 ต่อ 7 ลูก) แถมสร้างโอกาสได้มากกว่าด้วย (39 ต่อ 21 ครั้ง) แต่สถิติด้านอื่นๆ กลับบ่งบอกชัดเจนว่า ฮาแวร์ตซ์ มีส่วนร่วมกับเกมการเล่นมากกว่า และดูมีประโยชน์กับการเล่นเกมรุกของทีมมากกว่า ลูกากู โดยเฉพาะเรื่องการสัมผัสบอล ซึ่งมากกว่า ลูกากู เกือบๆ เท่าตัวเลยทีเดียว (1,138 ต่อ 639 ครั้ง)

     นอกจากนี้ ฮาแวร์ตซ์ ยังมีสถิติทำ 3 แอสซิสต์อีกด้วย โดยที่ ลูกากู สถิติยังเป็นตัวเลข 0 และจำนวนในเรื่องการผ่านบอลนั้น ก็ยิ่งระบุชัดเจนว่า ฮาแวร์ตซ์ เป็นผู้เล่นที่มีส่วนร่วมกับเกมเยอะมากๆ เมื่อเทียบกับ ลูกากู (718 ต่อ 376 ครั้ง)

     หากยังไม่เคลียร์พอ The Sun ก็ได้ทำแผนที่การสัมผัสบอลของ ลูกากู และ ฮาแวร์ตซ์ ในการลงเล่นเกมล่าสุดมาเปรียบเทียบกันแบบชัดๆ ซึ่งก็อย่างที่รู้กันว่า ฮาแวร์ตซ์ เล่นได้เด่นมากๆ แถมทำประตูได้ในเกมชนะ ลีลล์ 2-0 โดยตลอดทั้ง 90 นาทีที่อยู่ในสนามนั้น เจ้าตัวได้สัมผัสบอลมากถึง 46 ครั้ง และแทบจะครอบคลุมทุกพื้นที่ในสนาม

     แต่ที่น่าใจหายคือ เกมล่าสุดที่ ลูกากู ลงเล่น ซึ่งเป็นเกมลีกนัดที่ เชลซี บุกเชือด คริสตัล พาเลซ 1-0 เมื่อวันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ เจ้าตัวได้สัมผัสบอลแค่ 7 หนเท่านั้น!!! ทั้งๆ ที่ลงเล่นตั้งแต่เริ่มเกมยันผู้ตัดสินเป่านกหวีดจบการแข่งขัน ซึ่งถือเป็นสถิติตัวเลขที่น่าตกใจมาก และไม่แปลกที่ ทูเคิ่ล ออกมาบอกเมื่อเร็วๆ นี้ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องขำๆ หรือเอามาเป็นประเด็นตลกๆ แล้วนะ

     ... อย่างไรก็ตาม มันคงไม่แฟร์ หากจะบอกว่า ลูกากู ไม่ใช่กองหน้าที่มีคุณภาพ เพราะสถิติการทำประตูของเจ้าตัวตอนเล่นให้ อินเตอร์ มิลาน รวมถึงในสีเสื้อทีมชาติเบลเยียม ถือว่ายอดเยี่ยมมากๆ เพียงแต่อาจไม่ได้เป็นคนที่ "ใช่" สำหรับ ทูเคิ่ล ที่ชั่วโมงนี้ดูเหมือนจะไปได้สวยกับแผนการเล่นที่ไม่ใช้กองหน้าตัวเป้า

- Subinho -

สนับสนุนโดยเว็บไซต์ Ufabet