#SSxKMD | ถ้าเกมที่สแตมฟอร์ดบริดจ์เมื่อคืนวันเสาร์เป็นหนัง ก็เป็นหนังที่ทำให้คนดูสนุกสุดขีดช่วงท้ายเรื่อง ถ้าเป็นแฟนเชลซี อารมณ์พีคนาทีที่ 87 ถ้าเป็นแฟนแมนฯยูไนเต็ด ก็ถึงไคลแมกซ์ไปนาทีที่ 94 แต่นั่นเป็นอารมณ์ที่เกิดจากมือเขียนบทและผู้กำกับที่ค่อยๆปูเรื่องราวเกือบหนึ่งชั่วโมงครึ่ง เป็นงานเบื้องหลังที่ผู้ชมไม่ได้รับรู้ถึงการทำงานหนักของพวกเขา
แกรห์ม พอตเตอร์ กับ เอริค เทน ฮาก เคยประฝีมือมาแล้วในพรีเมียร์ลีกนัดเปิดฤดูกาลเมื่อพอตเตอร์พาไบรท์ตันบุกชนะแมนฯยูไนเต็ด 2-1 โดยไทรอน มาร์แชลล์ นักข่าวอาวุโสของแมนเชสเตอร์ อีฟนิง นิวส์ มองว่าครั้งนั้น กุนซือน้องใหม่เวทีพรีเมียร์ลีกไม่สามารถรับมือระบบกองหลังสามคนของพอตเตอร์ได้
และครั้งนี้ เทน ฮาก เรียนรู้จากความผิดพลาด เตรียมตัวมาดีเพื่อแก้มือพอตเตอร์ในฐานะผู้จัดการทีมเชลซี ผลก็คือแมนฯยูไนเต็ดเป็นฝ่ายเหนือกว่าในครึ่งชั่วโมงแรกด้วยการควบคุมพื้นที่กลางสนามอย่างเบ็ดเสร็จ
เกมเริ่มไปได้เพียง 36 นาที พอตเตอร์ก็เปลี่ยนผู้เล่นคนแรกด้วยเหตุผลแทคติกล้วนๆ เขาถอดมาร์ก กูกูเรยา ซึ่งยืนตัวซ้ายของกองหลังสามออกแล้วส่งมาเตโอ โควาชิซ มิดฟิลด์โครแอต ลงแทน ปรับแผงหลังสามกลายเป็นสี่ จาก 3-4-2-1 เป็น 4-3-3 แพ็คกองกลางให้แน่นขึ้น
ซึ่งสกอตต์ ทรอตเตอร์ นักข่าวเซ็คชั่นเชลซีของ Football.London ชื่นชมความเด็ดเดี่ยวของพอตเตอร์ที่กล้าปรับเปลี่ยนตั้งแต่ต้นเกมหลังจากตระหนักว่าทีมเสียการครองบอลและโอกาสมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติ แถมกูกูเรยาก็เป็นลูกทีมคนโปรดตั้งแต่ทำงานกับไบรท์ตัน พอตเตอร์ยังพร้อมทำหากเป็นผลดีกับทีม
พอตเตอร์เปิดใจหลังเกมว่า อารมณ์ของเกม เชลซีเหมือนเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำและโดนย่ำยีในแดนกลาง เขาจำเป็นต้องเพิ่มผู้เล่นพิเศษลงไปเพื่อกดดันและหยุดการสร้างเกมรุกของแมนฯยูไนเต็ด ซึ่งเขายอมรับว่าไม่ง่ายเลยที่ต้องตัดสินใจแบบนั้น แต่ลูกทีมก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดี
การเพิ่มโควาชิซลงไปสู้กับแมนฯยูไนเต็ดส่งผลอย่างรวดเร็ว เชลซีเล่นได้ดีขึ้นผิดหูผิดตาท้ายครึ่งแรกและต้นครึ่งหลัง ทำให้เทน ฮาก เป็นฝ่ายต้องแก้หมากเกมบ้างในนาทีที่ 52 เขาส่งเฟรดลงแทนเจดอน ซานโช ซึ่งเล่นไม่ออก
ในห้องแถลงข่าวภายหลังแมตช์ เทน ฮาก กล่าวว่าทีมเขาโชว์ฟอร์มได้เด่นมากในครึ่งแรกจนกระทั่งเชลซีเปลี่ยนระบบการเล่น สร้างความยากลำบากให้แมนฯยูไนเต็ดอย่างที่เห็นกันก่อนจบครึ่งแรก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความเหนื่อยล้าทั้งสมองและร่างกายจากการต้องแข่ง 4 นัดใน 10 วัน เขาจึงต้องส่งผู้เล่นที่สดใหม่ลงไปตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง แมนฯยูไนเต็ดจึงปรับตัวรับมือกับเชลซีได้ดีขึ้น สองทีมกลับมาอยู่ระดับเดียวกันอีกครั้ง ดังนั้นผลเสมอจึงยุติธรรมดีแล้วในมุมมองของเขา
อย่างที่เห็นกันแม้เฟรดแสดงให้เห็นความผิดพลาดบ่อยครั้งแต่ถูกชดเชยด้วยพละกำลังและไดนามิกการเล่น สร้างความปั่นป่วนและทำลายจังหวะของจอร์จินโญและโควาชิซ แถมยังส่งผลให้เกมรุกของเมสัน เมาท์ และราฮีม สเตอร์ลิ่ง ติดขัดไม่ลื่นไหล ต่อจากนั้นนาทีที่ 80 กุนซือดัตช์เปลี่ยนคริสเตียน เอริคเซน ที่สภาพร่างกายไม่ฟิตเต็มร้อย ออกและแทนที่ด้วยสกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ซึ่งดุดันและทำลายเกมฝ่ายตรงข้ามได้เหมือนเฟรด
ทั้งพอตเตอร์และเทน ฮาก ทำหน้าที่วางหมากได้ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้แล้ว ที่เหลือก็เป็นเรื่องของผู้นำแผนไปปฏิบัติในสนาม ซึ่งอย่างที่เห็นกัน แม็คโทมิเนย์ทำฟาวล์อาร์มานโด โบรญา ในเขตโทษ, บรูโน แฟร์นานเดซ กระซิบบอกอะไรสักอย่างกับดาบิด เด เคอา ก่อนถอยลงไปป้องกันจุดโทษ และพุ่งไปคนละทิศกับที่จอร์จินโญยิง เชลซีนำ 1-0
ช่วงทดเวลาเจ็บผ่านไปสามนาทีเศษ กาเซมิโร ซึ่งกระโดดพร้อมกับแม็คโทมิเนย์ เป็นผู้โขกประตูชัยด้วยท่วงท่าและทิศทางบอลที่เหลือเชื่อ เป็นบทสรุปของการต่อสู้ด้วยมันสมองของสองกุนซืออายุน้อยอนาคตไกล
สนับสนุนโดยเว็บไซต์ Ufa
|