ชนะ 1 หน และแพ้ 3 นัด , ทำประตูได้นัดเดียวในเกมที่ชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-2 และเสียประตูในช่วงเวลาดังกล่าวไปรวม 8 ลูก นั่นคือผลงานในช่วง 4 นัดหลังสุดจากทุกรายการของ ลิเวอร์พูล ซึ่งแน่นอนว่าเป็นฟอร์มที่น่าผิดหวังอย่างมาก หากเทียบกับผลงานช่วงก่อนหน้านั้นที่พวกเขาเก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในเกมที่แพ้ วัตฟอร์ด 0-3 จนทำให้ต้องถูกหยุดสถิติการไร้พ่ายในลีกเอาไว้ที่ 44 นัดติดต่อกันนั้น เดยัน ลอฟเรน กองหลังชาวโครเอเชีย คือคนที่โดนตำหนิมากที่สุด โทษฐานที่เล่นผิดพลาดหลายจังหวะ อย่างไรก็ตาม มันก็มีอีก 1 คนของ ลิเวอร์พูล ที่ถูกวิจารณ์อยู่เรื่อยๆ ในช่วงที่ผ่านมา นั่นคือ ฟาบินโญ่
ตลอดช่วงหลายเกมก่อนหน้านี้นั้น ฟาบินโญ่ ถูกยกให้เป็นฟันเฟืองหลักที่ทีมขาดไม่ได้ หลังจากรับหน้าที่กองกลางตัวรับได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนที่เขาจะต้องอดลงเล่นเป็นเวลานานหลังจากมีอาการบาดเจ็บด้านเอ็นข้อเท้า โดยเจ้าตัวเพิ่งกลับมาช่วยทีมได้ในช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม หลายคนมองว่าหลังจากกลับมาลงเล่นได้แล้วนั้น ฟาบินโญ่ ทำผลงานได้น่าผิดหวังหลายนัด โดยเฉพาะเกมกับ เชลซี เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่าใน 4 เกมหลังสุดซึ่งเป็นช่วงที่ ลิเวอร์พูล มีผลงานดร็อปลงนั้น ฟอร์มของ ฟาบินโญ่ มันเลวร้ายขนาดนั้นจริงๆ รึเปล่า
- เกมแพ้ แอต. มาดริด 0-1
วันนั้น ฟาบินโญ่ ยังมี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางกัปตันทีมร่วมช่วยงานกันในแดนกลาง โดยมิดฟิลด์อีกคนหนึ่งในระบบ 4-3-3 คือ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ซึ่งทั้งหมดต่างก็มีศักยภาพที่จะเป็นตัวทำลายเกมรุกของ "ตราหมี" ได้ทั้งนั้น แต่แน่นอนว่า ฟาบินโญ่ ต้องรับภาระในด้านนี้มากที่สุด
ในเกมนั้น ฟาบินโญ่ มีจังหวะพยายามเข้าสกัด 5 ครั้ง โดยเขาเสียบโดนบอล 3 หน คิดเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม เขามีปัญหาเรื่องดวลลูกกลางอากาศอย่างมาก เพราะชนะการดวลเพียงแค่ 3 หนจากทั้งหมด 10 ครั้ง คิดเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ โดยในการดวลลูกกลางอากาศ 10 หนที่ว่ายังเป็นการเล่นลูกกลางอากาศในด้านเกมรับถึง 9 ครั้งด้วย ขณะเดียวกัน เขาก็ยังถูกแย่งบอลไปจากเท้าดื้อๆ อีก 1 หน และเสียฟาวล์อีก 2 ครั้ง
- เกมชนะ เวสต์แฮม 4-3
การได้รับบาดเจ็บของ เฮนเดอร์สัน ทำให้ในเกมนี้ ฟาบินโญ่ กับ ไวจ์นัลดุม ได้ นาบี เกอิต้า มาร่วมแรงร่วมใจในแผงกลางแทน แต่หน้าที่ของดาวเตะชาวบราซิเลียนก็ยังเป็นการไล่ตัดเกมของทีมเยือนตามเดิม โดยที่จะมี ไวจ์นัลดุม มาช่วยเป็นหลัก ส่วน เกอิต้า รับบทเกมรุกไป
อย่างไรก็ตาม ฟาบินโญ่ ก็มีเปอร์เซ็นต์เข้าสกัดโดนบอลเพียงแค่ 43 เปอร์เซ็นต์ในเกมนี้ หรือคิดเป็นการสกัดโดนบอล 3 ครั้งจากการพยายามเข้าสกัด 4 หน ยังดีที่เกมนี้เขาเล่นลูกกลางอากาศได้ดีขึ้น เพราะชนะการดวลลูกกลางอากาศ 4 หนจากทั้งหมด 5 ครั้ง คิดเป็น 80 เปอร์เซ็นต์
- เกมแพ้ วัตฟอร์ด 0-3
เกมนี้ ฟาบินโญ่ รวมถึง ไวจ์นัลดุม ต้องเปลี่ยนมาร่วมงานกับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน และถึงแม้ ลิเวอร์พูล จะต้องแพ้ในลีกเป็นหนแรกในรอบ 44 นัด แต่ที่จริงแล้วเขาถือเป็นกองกลางที่ทำผลงานได้ดีที่สุดของ ลิเวอร์พูล ในเกมนี้
แม้ว่าจะสกดโดนบอลครั้งเดียว จากการพยายามสกัดบอล 2 ครั้ง แต่เขาก็สามารถตัดบอลโดยที่ไม่ต้องพุ่งเสียบได้ 2 หน และยังชนะการดวลลูกกลางอากาศอีก 4 ครั้งจากทั้งหมด 5 หนด้วย
- เกมแพ้ เชลซี 0-2
เกมนี้ต่างไปจาก 3 นัดก่อน เพราะเพื่อนร่วมงานในแผงกลางของ ฟาบินโญ่ คือ อดัม ลัลลาน่า ที่แทบไม่ค่อยได้ลงเล่นเป็นตัวจริงเลย กับ เคอร์ติส โจนส์ ที่เป็นเพียงดาวรุ่ง ซึ่งทั้งคู่ไม่ใช่พวกที่มีความสามารถในด้านการเล่นเกมรับเท่าไหร่ ต่างจากเกมก่อนๆ ที่อย่างน้อย ฟาบินโญ่ ยังพอมี ไวจ์นัลดุม ช่วยได้บ้าง
เรื่องดังกล่าวมีส่วนทำให้ ฟาบินโญ่ ทำผลงานได้น่าผิดหวัง เขาสกัดโดนบอลเพียง 2 หนจากการพยายามสกัด 5 ครั้ง คิดเป็นเพียง 40 เปอร์เซ็นต์, โดนแย่งบอลไปจากเท้า 1 ครั้ง, ไม่ชนะการดวลลูกกลางอากาศเลยจากการดวลลูกกลางอากาศ 2 หน แถมความผิดพลาดของเขายังส่งผลให้ทีมเสียประตูอีกต่างหาก
สรุป : ผลงานโดยรวมในช่วง 4 นัดที่ผ่านมาของ ฟาบินโญ่ อยู่ในระดับ 5/10 เพราะมันมีทั้งเกมที่เขาถือเป็นคนที่เล่นได้แย่เป็นอันดับต้นๆ ของทีม และเป็นคนที่เล่นได้ดีที่สุดในแผงกลาง ถึงกระนั้น มันก็ต้องยอมรับว่าผลงานของเขามันแย่กว่าช่วงก่อนที่เขาจะได้รับบาดเจ็บ เพียงแต่ตอนนี้ ลิเวอร์พูล มีทางเลือกไม่มากนักนอกจากจะต้องใช้งานเขา และมันก็ขึ้นอยู่กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่จะต้องหาทางทำให้เจ้าตัวเล่นได้ไม่ยากเกินไป จนกว่าที่ ฟาบินโญ่ จะกลับมาเรียกฟอร์มเก่งของตัวเองได้
สนับสนุนโดยเว็บไซต์ แทงบอลออนไลน์
|