ถึงขณะนี้ แมนฯ ซิตี้ ขึ้นแท่นจ่อคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อีกสมัยแล้วหลังจากสองทีมนำทั้ง อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล นัดกันสะดุด
เรือใบสีฟ้า กระโดดนำฝูงหลังเปิดบ้านถล่ม ลูตัน ราบคาบ 5-1 เมื่อวันเสาร์ก่อนที่วันถัดมา หงส์แดง จะเสียท่าต่อ คริสตัล พาเลซ 1-0 ที่ แอนฟิลด์ ตามด้วย อาร์เซน่อล โดน แอสตัน วิลล่า บุกมาอัดถึงลอนดอน 2-0
เป็นซะอย่างนี้ ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จึงได้รับการคาดหมายว่าจะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ติดต่อกันสี่สมัยเป็นสโมสรแรกอย่างแน่นอนเนื่องจากทีมของเขามีประสบการณ์เปี่ยมล้น และสามารถคว้าชัยชนะอย่างต่อเนื่องได้เสมอ
อย่างไรก็ดี ตราบที่สงครามยังไม่จบ การชิงชัยของม้าสามตัวยังเปิดกว้างต่อไปด้วยแปดเหตุผลดังนี้
- ยังเหลืออีกหกนัด
จากอันดับตาราง แมนฯ ซิตี้ นำหน้าสองทีมที่ตามหลังแค่สองแต้มเท่านั้น และทุกทีมยังมีเกมให้เล่นอีกหกนัดเท่ากัน
แน่นอนว่าหากซีซั่นเหลือการฟาดแข้งอีกนัดเดียว เรือใบสีฟ้า แทบมีสิทธิ์ได้ชูโทรฟี่แบบแบเบอร์ แต่กับอีก 18 แต้มที่มีให้ทั้งสามทีมได้ไล่ล่า อะไรๆยังสามารถเป็นไปได้ทั้งนั้น
และที่สำคัญ พรีเมียร์ลีก ขึ้นชื่อในด้านความพลิกผันมานานแล้ว อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เคยนำหน้าไกลถึงแปดแต้มขณะเหลืออีกหกนัดในซีซั่น 2011/12 สุดท้ายแล้วพวกเขาได้แค่ตำแหน่งรองแชมป์โดยถูกทีมร่วมเมืองปาดหน้าเข้าเส้นชัยแบบเส้นยาแดงผ่าแปดด้วยผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่า
ย้อนกลับไปในซีซั่น 1995/96 นิวคาสเซิ่ล เคยนำลิ่วเป็นจ่าฝูง 12 แต้ม แต่โดน แมนฯ ยูไนเต็ด แซงเข้าป้ายสี่แต้ม ขณะที่ซีซั่น 1997/98 ผีแดง เคยนำห่าง 11 แต้มเช่นกัน แต่ไม่วายถูก อาร์เซน่อล เฉือนชนะด้วยแต้มเดียวเท่านั้น
- เกมแชมเปี้ยนส์ลีก
อย่าลืมว่ากลางสัปดาห์นี้ทั้ง อาร์เซน่อล กับ แมนฯ ซิตี้ มีคิวลงเล่นเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแปดทีมนัดสองด้วยกันทั้งคู่ และต่างก็ยังไม่การันตาเข้ารอบตัดเชือก
ในกรณีนี้หากทีมของ กวาร์ดิโอล่า เปิดรังทุบ เรอัล มาดริด ได้ และเผอิญว่า เดอะ กันเนอร์ส ตกรอบ ขณะที่ ลิเวอร์พูล มีแววล่องจุ๊นถ้วย ยูโรปาลีก จะทำให้ เรือใบสีฟ้า มีเกมลงเล่นมากกว่าสองทีมตามหลังอีกสองนัดก่อนจบซีซั่น แถมพวกเขาต้องเล่นเกม เอฟเอคัพ รอบตัดเชือกกับ เชลซี ในวันเสาร์นี้ด้วย มันจึงอาจทำให้ขุนพลของกุนซือสแปนิชกระปลกกระเปลี้ยได้เช่นกัน
ในทางกลับกัน หาก แมนฯ ซิตี้ ป้องกันแชมป์หูใหญ่ไม่ได้โดยกระเด็นตกรอบแปดทีมก็แน่นอนว่ามันจะเพิ่มโอกาสคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ให้กับพวกเขามากขึ้น
-เกมเยือนสี่นัด
มีการพูดกันว่า เรือใบสีฟ้า มีโปรแกรมที่เหลืออยู่ง่ายที่สุดในบรรดาสามทีมลุ้นแชมป์เนื่องจาก สเปอร์ส เป็นคู่ปรับรายเดียวเท่านั้นที่อยู่ในอันดับหัวตาราง แต่อย่าลืมว่าในอีกหกนัดสุดท้าย แชมป์เก่าต้องเล่นนอกบ้านมากถึงสี่นัดด้วยกันจึงอาจทำให้ทีมของ กวาร์ดิโอล่า ออกอาการเป๋ก็เป็นได้กับการเดินทางถี่ยิบ
เท่าที่ผ่านมาในซีซั่นนี้ แมนฯ ซิตี้ แพ้เกมเยือนสามนัด และเสมอสองนัดจาก 15 นัดซึ่งบ่งชี้ได้ว่าไม่ใช่ผลงานที่ดีเอาซะเลย ตรงข้ามกับเกมเหย้าซึ่งพวกเขาชนะ 13 จาก 17 นัดในลีก และไม่แพ้ทุกรายการที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม มาตั้งแต่เดือนพ.ย.2022
- เรือไม่ถูกโฉลกไก่
ทุกทีมย่อมมีคู่แข่งที่ตัวเองแพ้ทางเสมอไม่เว้นแม้กระทั่ง แมนฯ ซิตี้ ซึ่งชัดเจนว่าทีมของ กวาร์ดิโอล่า ย่ำแย่บ่อยครั้งเมื่อต้องต่อกรกับ สเปอร์ส
ดังจะเห็นว่านายใหญ่สแปนิชปราชัยเกมแรกในเมืองผู้ดีก็ด้วยพิษสงของ ไก่เดือยทอง ในสนาม ไวท์ ฮาร์ทเลน แห่งเดิม และแพ้เกมแรกจากการเยือนสนาม ท๊อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม จากทั้งหมดห้าครั้งชนิดที่ทำประตูไม่ได้อีกด้วย
แม้ เรือใบสีฟ้า จะทำลายอาถรรพ์ได้ด้วยการเขี่ยทีมเมืองหลวงตกรอบฟุตบอล เอฟเอคัพ เมื่อเดือนม.ค. แต่พวกเขาสอยตาข่าย ไก่เดือยทอง ได้แค่เม็ดเดียวจากหกนัด มันจึงไม่ใช่เรื่องดีแน่ที่แชมป์เก่าต้องบุกไปเยือน สเปอร์ส ในนัดรองสุดท้ายวันที่ 16 พ.ค.
-โปรแกรมชุกเกิน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ายิ่งต้องลงสนามมากขึ้น แมนฯ ซิตี้ ก็ต้องเผชิญกับอาการบาดเจ็บของนักเตะมากตามไปด้วยจนทำให้ กวาร์ดิโอล่า เอ่ยออกมาเมื่อวันศุกร์ว่า "เรากำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่"
ดังจะเห็นว่า ไคล์ วอล์คเกอร์ ล้มเจ็บไปแล้วหลังผ่านการลงเล่นให้กับทีมชาติ อังกฤษ เพิ่มเติมไปด้วย ขณะที่ จอห์น สโตนส์ ร้างสนามเช่นกันในเกมชนะ ลูตัน ขณะที่ นาธาน อาเก้ ยังต้องเยียวยาความฟิต ส่วน เอแดร์ซอน ที่เจ็บไปนานหนึ่งเดือนเพิ่งกลับมาเฝ้าเสาได้
ขณะเดียวกัน โรดรี้ ที่ลงเล่นมากกว่าใครเมื่อเทียบจากจำนวนนาทีร้องขอพักแข้งพักขาบ้างหลังเกมเสมอกับ เรอัล มาดริด 3-3 และได้ไฟเขียวในเกมบู๊กับ เดอะ แฮตเตอร์ส ให้นั่งข้างสนามโดยไม่ถูกเปลี่ยนตัวเนื่องจากก่อนจบซีซั่น ดาวเตะทีมชาติ สเปน อาจไม่ได้พักรบอีกต่อไปแล้วแม้เขาจะรู้สึกอ่อนล้าเต็มทีซึ่งแน่นอนว่าเจ้าตัวไม่ใช่นักเตะของ แมนฯ ซิตี้ คนเดียวที่สะบักสะบอมจากการลงสนามอย่างมาราธอน
- ฮาลันด์ ฟอร์มหล่น
เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ยังนำเป็นดาวซัลโวของ พรีเมียร์ลีก จากจำนวน 20 ประตูหลังเช็กบิลเพิ่มได้อีกเม็ดจากการสังหารลูกโทษในเกมยำใหญ่ ลูตัน
กระนั้นก็ดี มันแน่ยิ่งกว่าแช่แป้งว่าศูนย์หน้าทีมชาติ นอรเวย์ ไม่ใช่เครื่องจักรถล่มประตูเหมือนซีซั่นก่อนอีกต่อไปแล้ว แถมหลายทีมเริ่มรู้วิธีรับมือกับดาวยิงร่างยักษ์ด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงท้ายซีซั่นอย่างนี้ ทีมคู่แข่งของ แมนฯ ซิตี้ ต่างพากันเน้นเกมรับมากเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้ ฮาลันด์ มีโอกาสแผลงฤทธิ์อันอาจทำให้พวกเขาเสียประตูเป็นเข่ง และนี่เองที่จะก่อให้เกิดความยากลำบากในการพังประตูของ เรือใบสีฟ้า ซึ่งพวกเขาจำเป็นต้องคว้าชัยชนะทุกเกมต่อการทะยานเข้าเส้นชัย
-ทำผิดกฏ115 ครั้ง
ถึงขณะนี้ แมนฯ ซิตี้ ยังมีชนักติดหลังอยู่นับตั้งแต่ พรีเมียร์ลีก ประกาศตั้งข้อหาว่าพวกเขาทำผิดกฏการเงิน 115 ครั้ง และดีไม่ดีบทลงโทษอาจส่งผลกระทบต่อการคว้าแชมป์ลีกของพวกเขาก็เป็นได้
เท่าที่ผ่านมา ฟอเรสต์ ถูกหักสี่แต้มไปแล้วจากการละเมิดกฏการทำกำไรและความยั่งยืน ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน โดนหักรวมแปดแต้มจากการโดนลงดาบสองรอบ และแม้ แมนฯ ซิตี้ น่าจะโดนลงโทษหนักกว่า แต่การถูกตัดแต้มเพียงเล็กน้อยหากมีการประกาศบทลงโทษก่อนจบซีซั่นจะส่งผลดีต่อทั้ง อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล อย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด แมนฯ ซิตี้ อาจโดนลงโทษให้ถึงกับตกชั้น และริบแชมป์ซีซั่นก่อนๆก็เป็นได้ แม้ผู้เชี่ยวชาญจะคาดว่า เรือใบสีฟ้า น่าจะต้องรอฟังบทลงโทษอย่างน้อยอีกหนึ่งปี
-ประวัติศาสตร์ไม่เคยอุบัติ
นับตั้งแต่ก่อเกิดฟุตบอลลีกอังกฤษ 135 ปี ไม่เคยปรากฏว่ามีทีมไหนแกร่งฉกาจถึงขนาดได้แชมป์ลีกสี่ปีซ้อนโดยเท่าที่ผ่านมา ฮัดเดอร์สฟิลด์ , อาร์เซน่อล ,ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ยูไนเต็ด (สองหน) เกือบทำสำเร็จ แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว
ปฏิเสธไม่ได้ว่า เรือใบสีฟ้า กระหายเป็นทีมแรกที่สร้างประวัติศาสตร์ได้ แต่ในเมื่อพวกเขายังอยู่ในเส้นทางของการคว้าแชมป์ทั้งสามรายการ มันจึงยากแก่การคาดเดาว่าบทสรุปสุดท้ายจะจบลงในรูปแบบไหน และพวกเขาจะสมหวังหรือไม่
สนับสนุนโดยเว็บไซต์ Ufabet
|