อาร์เน่ สล็อต กุนซือชาวดัตช์ เตรียมที่จะเข้ามารับหน้าที่ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ในช่วงซัมเมอร์นี้ หลัง "หงส์แดง" กับ เฟเยนูร์ด ตกลงเงื่อนไขต่างๆ และพร้อมจ่ายค่าชดเชยให้กับยอดทีมแห่งลีกแดนกังหันลมเรียบร้อยแล้ว
แน่นอนว่าการเข้ามารับงานต่อจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ประกาศยุติช่วงเวลา 9 ปีในถิ่นแอนฟิลด์หลังจบฤดูกาลนี้ เป็นงานที่หนักหนาสาหัสสำหรับ สล็อต เพราะเขาต้องพิสูจน์ตัวเองหลายอย่าง โดยเฉพาะการนำความสำเร็จมาสู่ทีม
สล็อต เตรียมกลายเป็นกุนซือจากแดน "ทิวลิป" รายที่ 10 ที่เดินทางเข้ามาทำมาหารับประทานในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยรุ่นพี่ของเขาหลายคนที่ทำงานในเมืองผู้ดีมีทั้งประสบความสำเร็จ และล้มเหลวไม่เป็นท่า
ที่สำคัญโค้ชจากประเทศเนเธอร์แลนด์ 9 รายก่อนหน้า สล็อต ไม่มีใครเคยใกล้เคียงในการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี แม้แต่ 2 กุนซือที่ว่าแน่ๆ อย่าง หลุยส์ ฟาน กัล และ เอริค เทน ฮาก ซึ่งทำงานให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ยังทำไม่ได้
ส่วนใหญ่แล้วกุนซือชาวดัตช์มักจะทำได้ดีที่สุดก็คือการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ และ คาราบาว คัพ เท่านั้น งานนี้ สล็อต ต้องทำผลงานให้ดีที่สุด ไม่งั้นเขาก็อาจจะเหมือนกับรุ่นพี่ที่ไม่เคยไปถึงฝั่งฝันในการคว้าโทรฟี่แชมป์พรีเมียร์ลีก
1. รุด กุลลิท
สโมสร : เชลซี (ผู้เล่น-ผู้จัดการ) 1996-1998, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 1998-1999
คุมทีมในพรีเมียร์ลีก 104 เกม : ชนะ 41, เสมอ 26, แพ้ 37
อัตราการชนะ : 39 เปอร์เซนต์
กุลลิท เป็นผู้จัดการทีมชาวดัตช์คนแรกที่ทำงานในพรีเมียร์ลีก และเป็นโค้ชผิวสีที่สามารถนำทีมคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์เมื่อเขาช่วยให้ เชลซี ผงาดคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ปี 1997 พร้อมกับนำทีมจบอันดับ 6 ในลีก ในซีซั่นต่อมา ขณะที่ต้นสังกัดรั้งอันดับ 2 และยังทะลุเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศศึก คัพ วินเนอร์ส คัพ (ยกเลิกไปแล้ว) กับ ลีก คัพ (ปัจจุบันคือ คาราบาว คัพ) แต่เจ้าตัวโดน เคน เบตส์ ประธานสโมสรในขณะนั้นไล่ออก อย่างไรก็ตาม อดีตดาวเตะเจ้าของฉายา "เจ้างูเก็งกอง" ได้งานคุม นิวคาสเซิ่ล แต่ผลงานย่ำแย่เหลือเกิน เขามีปัญหากับผู้เล่นชั้นยอดของทีมหลายคน รวมทั้ง อลัน เชียเรอร์ และสุดทายก็โดนปลดหลังนำทีมแพ้คาบ้านต่อ ซันเดอร์แลนด์
2. มาร์ติน โยล
สโมสร : ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2004-2007, ฟูแล่ม 2011-2013
คุมทีมในพรีเมียร์ลีก 202 เกม : ชนะ 75, เสมอ 51, แพ้ 76
อัตราการชนะ : 37 เปอร์เซนต์
ตอนอยู่กับ สเปอร์ส นั้น โยล ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมเมื่อเขาผงาดคว้ารางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือนหลังจากที่ทำงานกุมบังเ***ยนแค่เดือนที่สองเท่านั้น จากนั้นก็สามารถนำทัพ "ไก่เดือยทอง" จบอันดับ 5 สองครั้ง แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวทำพลาดมหันต์เมื่อโดน อาร์เซน่อล เบียดแย่งพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในวันสุดท้ายของฤดูกาลถัดมา สุดท้าย โยล ต้องอำลาตำแหน่งในช่วงระหว่างฤดูกาล 2007/2008 หลังนำทีมออกสตาร์ทได้อย่างย่ำแย่ จากนั้นอีกสี่ปีต่อมาเขาได้รับแต่งตั้งคุม ฟูแล่ม และนำทีมติดท็อปเทน และตามด้วยอันดับ 12 ในซีซั่นต่อมา
3. กุส ฮิดดิ้งค์
สโมสร : เชลซี (ชั่วคราว) 2009 และ 2015-2016
คุมทีมในพรีเมียร์ลีก 34 เกม : 18 , เสมอ 12, แพ้ 4
อัตราการชนะ : 53 เปอร์เซนต์
มีไม่บ่อยนักที่กุนซือจะได้รับโอกาสดีๆ สองครั้ง แต่ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของเชลซีในตอนนั้น ตัดสินใจจ้าง กุส ฮิดดิ้งค์ ครั้งที่สองหลังจากที่ปลด หลุยซ์ เฟลิเป้ สโคลารี่ ในปี 2009 และจากนั้นก็ โชเซ่ มูรินโญ่ ในปี 2015 สำหรับฤดูกาลแรกเขาสามารถนำทีมจบอันดับ 3 ในตารางลีก แต่โชคดร้ายที่ตกรอบแชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยฝีเท้าของ บาร์เซโลน่า กระนั้นก็ยังมีดีพอที่จะนำทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ขณะที่ในซีซั่นที่ 2 "ป๋ากุส" ต้องเจอกับสถานการณ์ยากลำบากเนื่องจากทีมย่ำแย่สุดๆ ในยุค "สเปเชียล วัน" และสามารถกอบกู้ฤดูกาลที่น่าหดหูด้วยการนำทีมจบอันดับ 6
4. เรเน่ มิวเลนสตีน
สโมสร : ฟูแล่ม 2013-2014
คุมทีมในพรีเมียร์ลีก 13 เกม : ชนะ 3, เสมอ 1 แพ้ 9
อัตราการชนะ : 23 เปอร์เซนต์
หลังจากที่โดดเด่นเหลือเกินในฐานะมือขวาเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด งานนี้ มิวเลนสตีน อยากเติบโตในฐานะกุนซือเต็มตัว ก็เลยตัดสินใจรับงานคุม ฟูแล่ม แทนที่ โยล เพื่อนร่วมชาติในปี 2013 แต่ผลงานของเจ้าตัวย่ำแย่เหลือเกิน โดย "เจ้าสัวน้อย" ร่วงไปอยู่อันดับสุดท้ายในตารางลีก และแน่นอนว่าเจ้าตัวต้องรับโทษทัณฑ์ด้วยการโดนสั่งเด้งออกจากเก้าอี้นายใหญ่แห่งถิ่นคราเว่น ค็อตเทจ แม้ ฟูแล่ม จะจ้าง เฟลิกซ์ มากัธ "จอมขมังเวทย์" มาวางแท็คติก แต่ทีมก็ไม่รอดต้องตกชั้น
5. โรนัลด์ คูมัน
สโมสร : เซาธ์แฮมป์ตัน 2014-2016, เอฟเวอร์ตัน 2016-2017
คุมทีมในพรีเมียร์ลีก 123 เกม : ชนะ 55, เสมอ 27, แพ้ 41
อัตราการชนะ : 45 เปอร์เซนต์
ตำนานบาร์เซโลน่าสร้างชื่ออย่างยิ่งใหญ่ในฐานะนักฟุตบอล และจากนั้นก็หันไปทำงานโค้ชซึ่งได้รับคำชมพอสมควร ก่อนจะตัดสินใจลองความท้าทายด้วยการกุมบังเ***ยน เซาธ์แฮมป์ตัน ตั้งแต่ปี 2014-2016 สำหรับผลงานของเขาก็ถือว่าน่าสนใจเมื่อนำ "เดอะ เซนต์ส" จบอันดับ 7 และ 6 ในช่วงระหว่างที่ทำงานร่วมกัน จากนั้นก็ไปรับงานคุม เอฟเวอร์ตัน ซึ่งในซีซั่นแรก "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ได้โควตาไปเล่นศึกยูโรปา ลีก แต่ซีซั่นถัดมาโดนไล่ออกเมื่อนำทีมหล่นไปอยู่ในโซนตกชั้น
6. หลุยส์ ฟาน กัล
สโมสร : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2014-2016
คุมทีมในพรีเมียร์ลีก 76 เกม : ชนะ 39, เสมอ 19, แพ้ 18
อัตราการชนะ : 51 เปอร์เซนต์
ฟาน กัล เป็นโค้ชชาวดัตช์คนแรกของ แมนยู และเขาได้นำสีสันมากมายมาสู่ถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ตั้งแต่การลืมชื่อ คริส สมอลลิ่ง ในงานแถลงข่าวไปจนถึงการร้องเพลง "กองทัพของ หลุยส์ ฟาน กัล" ตอนนั้น "จารย์หลุยส์" นำ "ผีแดง" ประสบความสำเร็จด้วยการจบอันดับ 4 และ 5 ตามลำดับ จากนั้นก็คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ อย่างไรก็ตามสไตล์การเล่นของ ฟาน กัล ไม่ถูกใจสาวก "เร้ด อาร์มี่" และโดนปลดออก ที่เด็ดกว่านั้นก็คือเจ้าตัวเคยแนะนำ เอริค เทน ฮาก อย่ารับงานคุม แมนยู เพราะที่นี่เน้นเรื่องพาณิชย์มากกว่าฟุตบอล
7. ดิ๊ก อั๊ดโวคาท
สโมสร : ซันเดอร์แลนด์ 2015
คุมทีมในพรีเมียร์ลีก 17 เกม : ชนะ 3, เสมอ 6, แพ้ 8
อัตราการชนะ : 18 เปอร์เซนต์
หากมองอย่างเป็นธรรมสำหรับผลงานของ อั๊ดโวคาท และอัตราการชนะ 18 เปอร์เซนต์ นั่นทำให้เขาสามารถช่วย ซันเดอร์แลนด์ อยู่รอดปลอดภัยในปี 2015 โดย "บิ๊กดิ๊ก" ได้รับการแต่งตั้งในฐานะกุนซือขัดตาทัพ และเกมแรกของเขาก็สามารถนำทีมเก็บแต้มได้ในแมตช์ปะทะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด จากนั้นก็นำทีมคว่ำ เอฟเวอร์ตัน และ เชลซี ตามด้วยแบ่งแต้มกับ อาร์เซน่อล ในซีซั่นถัดมาเจ้าตัวได้รับการแต่งตั้งให้คุมทีมถาวรแต่สุดท้ายโดนไล่ออกหลังออกสตาร์ทได้ย่ำแย่
8. แฟร้งค์ เดอ บัวร์
สโมสร : คริสตัล พาเลซ 2017
คุมทีมในพรีเมียร์ลีก4 เกม : ชนะ 0, เสมอ 0, แพ้ 4
อัตราการชนะ : 0 เปอร์เซนต์
ตอนเป็นนักฟุตบอลไม่มีใครสงสัยเรื่องพรสวรรค์ของ แฟร้งค์ เดอ บัวร์ แต่ในฐานะผู้จัดการทีมต้องบอกว่าน่าผิดหวังอย่างยิ่ง โดยเฉพาะตอนที่รับงานคุมทัพ คริสตัล พาเลซ เจ้าตัวสร้างผลงานได้น่าอนาถเหลือเกิน และเป็นตราบาปติดตัวในฐานะโค้ชไปตลอดชีวิต ตอนนั้น ตำนานดาวเตะทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เซ็นสัญญาคุม "ดิ อีเกิ้ลส์" 3 ปีแต่แค่ 10 สัปดาห์กับการกุมบังเ***ยนในลีก 4 เกมเจ้าตัวก็โดนไล่ออก พร้อมสถิติทีมยิงประตูและเก็บแต้มไม่ได้เลย ส่วนชัยชนะในเกม ลีก คัพ ปะทะ อิปสวิช เป็นแค่เศษเสี้ยวที่แฟนบอลพาเลซแทบไม่อยากจดจำ
9. เอริค เทน ฮาก
สโมสร : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2022-ปัจจุบัน
คุมทีมในพรีเมียร์ลีก 72 เกม : ชนะ 39, เสมอ 12, แพ้ 21
อัตราการชนะ : 54 เปอร์เซนต์
เทน ฮาก เอาชนะ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ตอนที่ แมนยู เลือกแต่งตั้งกุนซือแทนที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา โดยในซีซั่นแรก กุนซือหัวใส นำแสงสว่างแห่งความยิ่งใหญ่มาสู่หัวใจเด็กผีเมื่อสามารถคว้าแชมป์ คาราบาว คัพ, ซิวโควต้า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ทะลุชิง เอฟเอ คัพ (แต่แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้) อย่างไรก็ตามในฤดูกาลที่ 2 ทุกอย่างกลับตาลปัตรเมื่อ เทน ฮาก สร้างทีมได้น่าผิดหวัง หาความแน่นอนไม่ได้เลย ถ้าจะอ้างว่าเป็นเพราะผู้เล่นคีย์แมนบาดเจ็บมากมาย แต่ด้วยขุมกำลังของทีมน่าจะทำผลงานได้ดีกว่านี้ กระนั้นการที่สามารถปราบ ลิเวอร์พูล และทะลุเข้าชิง เอฟเอ คัพ เป็นปีที่สองติดต่อกัน อาจจะทำให้แฟนผีโปรเจกต์หัวใจพองโต กระนั้นดูเหมือนว่ามันจะไม่เพียงพอที่จะรักษาเก้าอี้นายใหญ่แห่งถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เอาไว้ได้
สนับสนุนโดยเว็บไซต์ Betufa
|