จากการเปิดเผยของ "บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ก่อนที่ศึกไทยลีก 1-4 จะกลับมาฟาดแข้งกันอีกครั้งระหว่างวันที่ 18-19 เม.ย.นี้ จะเปิดให้เฉพาะนักเตะ และทีมงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปในสนามเท่านั้น ส่วนคนที่ไม่เกี่ยวข้อง รวมถึงสื่อมวลชนจะไม่ให้เข้าไปในสนาม
"บิ๊กอ๊อด" เผยถึงแนวทางการแข่งขันไทยลีก ทุกระดับ ที่จะกลับมาแข่งขัน 18-19 เม.ย.นี้ว่า "สมาคมฯ เฝ้าติดตามสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 วันต่อวัน และประเมินสถานการณ์ โดยสมาคมฯ ปฏิบัติตามประกาศของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ถ้าสถานการณ์ไม่เลวร้ายหรือพัฒนาไปในทางที่ดี เราวางแผนไว้ว่าจะให้กลับมาแข่งขันในวันที่ 18-19 เมษายนนี้ เรามีการวางแผนล่วงหน้าเพราะต้องการให้สโมสรเตรียมความพร้อมก่อนการแข่งขัน หากไม่มีกำหนดแผนการล่วงหน้า มันจะมีปัญหาตามมา จะโยงไปถึงความได้เปรียบเสียเปรียบของแต่ละสโมสร"
"ตอนนี้รัฐบาลได้ประกาศแนวทางปฏิบัติในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งในข้อกำหนดนั้นได้รวมเรื่องของกีฬาด้วย ซึ่งกีฬาแต่ละประเภทแตกต่างกัน ผมคิดว่าก่อนที่จะถึงวันที่ 18 เมษายน ทางสมาคมฯจะประชุมกับคณะจัดการแข่งขัน สภากรรมการ และเจ้าหน้าที่สมาคมฯ เพื่อหาแนวทางและนำข้อมูลไปชี้แจงให้รัฐบาล ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคระบาดต่อไป และจะมีการส่งหนังสือถึงผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับทราบต่อไป"
"ตอนนี้เชื้อไวรัสไม่ได้ติดแค่คนในกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ยังกระจายไปยังต่างจังหวัด ทำให้หลายจังหวัดมีมาตรการรับมือด้วยการปิดจังหวัด แต่การปิดจังหวัดไม่ได้หมายความว่าห้ามคนเข้าหรือออกในจังหวัด แค่คัดกรองว่าบุคคลที่สุ่มเสี่ยงว่าจะมีเชื้อไวรัสหรือมีพฤติกรรมเสี่ยงติดเชื้อไวรัสหรือไม่ ตรงนี้คือความแตกต่าง เราก็ได้วางแผนไว้ว่าอาจจะมีการปรับโปรแกรมใหม่ทั้งหมด โดยให้ทีมที่อยู่ใน กรุงเทพฯ สลับออกไปแข่งขันในต่างจังหวัดก่อน และกลับมาเป็นทีมเหย้าทีหลัง หรืออาจจะมองหาสนามกลางเพื่อหาทางออกต่อไป"
"ฟุตบอลเป็นการแข่งขันเอาท์ดอร์ ทำให้ความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสมันลดลงไป ผมได้หารือถึงข้อบังคับ รูปแบบการแข่งขันแบบปิดขึ้นมา เนื่องจากการแข่งขันแบบปิดตามกฎของฟีฟ่า หรือเอเอฟซี นั้น มันกำหนดแค่เรื่องของความปลอดภัยของแฟนบอลในกรณีแฟนบอลของทั้ง 2 ทีมมีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากข้อบังคับหรือข้อกำหนดซึ่งอยู่บนพื้นฐานของการเกิดการระบาดของเชื้อไวรัส"
"ปัจจุบันนี้แต่ละสโมสรมีการฝึกซ้อมทุกวัน ซ้อมต่อเนื่อง ซ้อมกันเอง หรืออุ่นเครื่องกันเองระหว่างสโมสรกับสโมสร ซึ่งแต่ละสโมสรเองก็มีความรับผิดชอบต่อตัวนักเตะ และทีมงานสตาฟฟ์โค้ชอยู่แล้ว และรูปแบบการแข่งขันก็เป็นแบบปิด ซึ่งมันจะสอดคล้องกันกับนโยบายของสมาคมฯ ที่จะกำหนดให้การแข่งขันในวันที่ 18-19 เมษายนนี้ จะเปิดให้เฉพาะนักเตะ และทีมงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปในสนามเท่านั้น ส่วนคนที่ไม่เกี่ยวข้อง รวมถึงสื่อมวลชนก็จะไม่ให้เข้าไปในสนาม"
"อย่าง สิงคโปร์ และ ออสเตรเลีย ที่มีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ก็ดำเนินการแข่งขันฟุตบอลลีกในประเทศ โดยห้ามแฟนบอลหรือผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าสนาม ประกอบกับสภาพอากาศของประเทศไทย ที่กำลังจะเข้าสู่ฤดูร้อน จะทำให้การแพร่ระบาดเป็นไปได้ยากด้วย"
"เราจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 7 เมษายนนี้ เพื่อแจ้งให้สภากรรมการได้รับทราบ และเตรียมความพร้อมกัน ก่อนกลับมาแข่งขันอีกครั้ง ถ้าเหตุการณ์ไม่เลวร้ายไปกว่านี้ผมมั่นใจว่าการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพจะกลับมาแข่งขันอีกครั้งในวันที่ 18 เมษายน นี้แน่นอน โดยจะไม่เปิดให้แฟนบอลหรือผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในสนาม"
โดยไทยลีก 2020 ที่จะกลับมาเล่นใหม่ในวันที่ 18-19 เมษายน นี้ จะใช้โปรแกรมจากเกมที่ 5 ของวันที่ 7-8 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งถูกเลื่อนออกไป 45 วัน จากการแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 ประกอบด้วย
วันที่ 18 เมษายน 63 ที่สนาม มิตรผล สเตเดี้ยม เวลา 17.45 น. ราชบุรี มิตรผล เอฟซี พบ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด, ที่สนาม สิงห์ สเตเดี้ยม เวลา 18.00 น. สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด พบ พีที ประจวบ เอฟซี, ที่สนามกีฬากลาง จ.สุพรรณบุรี เวลา 19.00 น. สุพรรณบุรี เอฟซี พบ นครรรสีมา มาสด้า เอฟซี, ที่สนาทุ่งทะเลหลวง เวลา 20.00 น. สุโขทัย เอฟซี พบ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
วันที่ 19 เมษายน 63 ที่สนาม ชลบุรี สเตเดี้ยม เวลา 18.00 น. ชลบุรี เอฟซี พบ ตราด เอฟซี, ที่สนามแพท สเตเดี้ยม เวลา 18.00 น. การท่าเรือ เอฟซี พบ โปลิศ เทโร เอฟซี, ที่สนามสมุทรปราการ สเตเดี้ยม เวลา 19.00 น. สมุทปราการซิตี้ พบ ระยอง เอฟซี และที่สนาม ลีโอ สเตเดี้ยม เวลา 19.00 น. บีจี ปทุม ยูไนเต็ด พบ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
สนับสนุนโดยเว็บไซต์ Betufa
|