[x] ปิดหน้าต่างนี้
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป   
English Chinese (Simplified) Chinese (Traditional) French German Italian Japanese Korean Portuguese Russian Spanish Vietnamese Thai     
ค้นหา   
เมนูหลัก
หลักสูตรที่เปิดสอน

NyAkBl.jpg

NyA3qk.jpg

NyA98v.jpg

NyAt7E.jpg

NyAwgN.jpg

NyA12V.jpg

NyAKFQ.jpg

ฝากข้อความ
ชื่อ :
ข้อความ (ตัวแสดงอารมณ์)
แปลภาษาจาก google
ป้อนข้อความ :

พยากรณ์อากาศ
 
ค้นหาจาก google
QRCode

59328087_428468474382055_2985555548407070720_n.jpg

สถิติผู้เยี่ยมชม

 เริ่มนับ 9/ก.พ./2559
ผู้ใช้งานขณะนี้ 29 IP
ขณะนี้
29 คน
สถิติวันนี้
2945 คน
สถิติเมื่อวานนี้ี้
1778 คน
สถิติเดือนนี้
28902 คน
สถิติปีนี้
78495 คน
สถิติทั้งหมด
1409508 คน
IP ของท่านคือ 52.14.209.100
(Show/hide IP)

  

   เว็บบอร์ด >> ห้องนั่งเล่น >>
ลิเวอร์พูล ลอยลำเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายของถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เรียบร้อย  VIEW : 403    
โดย T

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 56
ตอบแล้ว : 3
เพศ :
ระดับ : 6
Exp : 20%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 193.37.32.xxx

 
เมื่อ : พฤหัสบดี ที่ 11 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2564 เวลา 20:08:29   

 

ลิเวอร์พูล ลอยลำเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายของถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เรียบร้อยหลังเปิดบ้านเติมไฟแค้นให้ แอตเลติโก มาดริด เพิ่มอีกด้วยการคว้าชัย 2-0 การันตีการเป็นแชมป์กลุ่มบีได้สำเร็จ ขณะที่ยังเหลือโปรแกรมอีกสองนัด
เป็นอีกครั้งที่ หงส์แดง ออกสตาร์ตได้เยี่ยม และทำประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วเหมือนสองสัปดาห์ก่อน ขณะที่ทีม ตราหมี หนีไม่พ้นต้องใช้ลูกไม้เดิมๆไล่ตัดเกมทำฟาวล์ขุนพลเจ้าบ้านกระทั่งเหลือสิบคนอีกตามเคยเมื่อ เฟลิเป้ โดนไล่ออกข้อหาเตะตัด ซาดิโอ มาเน่ ที่กำลังกระชากบอลขึ้นหน้าเล่นเกมโต้กลับ

จากผลงานดังกล่าว หงส์แดง จึงกำชัยในการออกสตาร์ตถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก สี่นัดแรกของซีซั่นได้เป็นครั้งแรก และเป็นครั้งแรกที่พวกเขากำชัยในรายการนี้ได้สี่นัดติดต่อกันนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2009

เท่านั้นไม่พอ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังพาทีมไร้แพ้ต่อเนื่องเป็นนัดที่ 25 ติดต่อกันของทุกรายการเข้าไปแล้ว (ชนะ 18 เสมอ7) โดยหนสุดท้ายเป็นเกมออกไปแพ้ เรอัล มาดริด 3-1 ในรอบแปดทีมนัดแรกของถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่นก่อน

และนี่คือ 5 ประเด็นที่น่าสนใจของการฟาดแข้งที่ แอนฟิลด์ ซึ่ง เจอร์เก้น คล็อปป์ มีชัยเหนือ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เป็นซ้ำสอง

1. ลิเวอร์พูล ปรับโผได้ผลแต่โดนโรคเดี้ยงรังควาน

จะว่าไปแล้วเกมนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมเจ้าถิ่นเปลี่ยนโผ 11 ตัวแรกมากหน้าหลายตาอย่างน่าเซอร์ไพรส์ในหลายๆตำแหน่ง

แม้ ลิเวอร์พูล จะมีข่าวดีได้ ฟาบินโญ่ ฟิตสมบูรณ์กลับมาคุมเกมในแดนกลาง แต่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ถูก คอสตาส ซิมิคาส เบียดหล่นไปนั่งข้างสนามอย่างน่าฉงน แถม โฌแอล มาติ๊ป กลับมายึดตำแหน่งตัวจริงได้สำเร็จแม้ระยะหลัง อิบราฮิม่า โกนาเต้ จะถูกเลือกให้จับคู่กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์

แต่สำหรับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน เป็นเรื่องหนีไม่พ้นที่กุนซือชาวเยอรมันต้องเรียกใช้บริการเนื่องจาก เจมส์ มิลเนอร์ บาดเจ็บจากนัดก่อนที่ฉะกับทีม ตราหมี แถม นาบี้ เกอิต้า กลับไปเดี้ยงอีกรอบในเกมลีกนัดล่าสุดที่ถูก ไบรท์ตัน บุกมาแบ่งแต้มจากผลเสมอ 2-2

อย่างไรก็ดี บางที คล็อปป์ เลือกที่จะให้ความสำคัญกับเกม พรีเมียร์ลีก นัดต่อไปมากกว่าเนื่องจาก หงส์แดง จะต้องบุกไปเยือนทีมฟอร์มแรงอย่าง เวสต์แฮม ซึ่งชนะรวดห้านัดหลังในทุกรายการ และเก็บแต้มไล่หลัง เร้ด แมชีน เหลือแค่สองแต้มเท่านั้น

และปรากฏว่ากุนซือชาวเมืองไส้กรอกตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเนื่องจากพลพรรค หงส์แดง ร่ายเพลงแข้งต่อหน้ากองเชียร์ได้อย่างน่าประทับใจไม่ว่าจะเป็น ซิมิคาส หรือ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ซึ่งเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นก่อนบู๊กับ เดอะ แฮมเมอร์ส ได้เป็นอย่างดี

กระนั้นก็ตามที เหมือน คล็อปป์ จะโชคร้ายไม่หยอกเนื่องจาก อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน มีอาการบาดเจ็บรบกวนจนต้องเดินออกไป รวมถึง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ที่ลงเล่นเป็นตัวสำรองไม่นานก็ต้องเปลี่ยนตัวเช่นกัน จึงน่าเป็นกังวลแทน เครื่องจักรสีแดง ไม่น้อยต่อความพร้อมของขุมกำลังในเกมฟัดกับ เวสต์แฮม

2. หลุยส์ ซัวเรซ ไร้พิษสงในเกมคืนสู่เหย้า

เป็นอีกครั้งที่สตาร์อุรุกวัยกลับมาเหยียบ แอนฟิลด์ ในฐานะฝ่ายตรงข้าม แต่ก่อนหน้านี้หัวหอกฟันจอบเป็นขุนพลทีม บาร์เซโลน่า และมีอันต้องปราชัยให้กับ ลิเวอร์พูล อย่างยับเยิน 4-0 ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก เดือนเม.ย.2019 หากแต่เกมที่ว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไม่ได้ลงสนามเนื่องจากบาดเจ็บ สองดาวยิงจึงพลาดได้ประชันฝีเท้ากัน

ในฐานะตัวสำรองนัดก่อนซึ่งได้ลงเล่นแทน โตมาส์ เลอมาร์ ช่วงสิบนาทีสุดท้าย นัดนี้ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ นายใหญ่อาร์เจนไตน์จำต้องส่งอดีตสตาร์ขวัญใจสาวก เดอะ ค็อป ลงเล่นเป็น 11 ตัวแรกเนื่องจาก อ็องตวน กรีซมันน์ ติดโทษแบนโทษฐานโดนไล่ออกในเกมที่แล้ว

แต่เอาเข้าจริง ซัวเรซ กลับไม่มีบทบาทเอาซะเลย ทั้งผ่านบอลประสานงานกับทีมเมทได้แย่ แถมยังขยันบ่นไม่เลิกจนได้รับใบเหลืองจากผู้ตัดสิน

แม้เจ้าตัวจะสบโอกาสยิงไกลแฉลบ มาติ๊ป ตุงตาข่ายเป็นประตูตีไข่แตกให้ทีมเยือนในครึ่งหลัง แต่กลายเป็นลูกล้ำหน้า และโดนเปลี่ยนออกในอึดใจหลังได้อยู่ในสนามรวมหนึ่งชั่วโมง

3. แอตเลติโก มาดริด ขาดคีย์แมนหลายราย

ต้องถือว่าเป็นงานหนักของ แอตเลติโก มาดริด ในการบุกมาเยือน ลิเวอร์พูล เนื่องจากนัดนี้แชมป์ ลา ลีกา ขาดนักเตะตัวหลักหลายรายทั้ง อ็องตวน กรีซมันน์ ดาวดังทีมชาติฝรั่งเศสที่ติดโทษแบนเช่นเดียวกับ สเตฟาน ซาวิช แล้วไหน เจฟเฟรย์ กงด็อกเบีย ก็ไม่ผ่านการทดสอบความฟิต

เท่านั้นไม่พอ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ยังขาด โตมาร์ เลอมาร์ และ มาร์กอส ยอเรนเต้ ที่บาดเจ็บอีกด้วย ทีม ตราหมี จึงเข้าข่ายพิการก็ว่าได้

ด้วยเหตุนี้ นอกจากเกมรุกจะไม่น่าเกรงขามแล้ว เกมรับก็ยิ่งต้องทำงานหนักมากขึ้นจากการถูกแผงรุกที่สุดจัดจ้านของทีมเจ้าบ้านเล่นงานแทบทุกนาที

และจากโอกาสที่มี ลิเวอร์พูล น่าจะขยี้แชมป์ลีกกระทิงดุได้อย่างยับเยินมากกว่าที่เห็นด้วยซ้ำ แต่ที่แน่ๆทีมจอมแกร่งจาก ลา ลีกา สร้างสถิติที่เลวร้ายเสียสองเม็ดในครึ่งแรกของเกม แชมเปี้ยนส์ลีก สองนัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกของพวกเขาเองจากการลงเล่นเป็นนัดที่ 105

4. เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ขวาผ่านตลอด

เป็นเกมที่เล่นได้อย่างโดดเด่น และง่ายดายที่สุดนัดหนึ่งในอาชีพการค้าแข้งของแบ็คขวาทีมชาติอังกฤษ

ขึ้นเกมทางขวาได้ตลอด และมีความเร็วจนแผงหลังทีมเยือนไล่กวดไม่ทัน และไม่กล้าตัดเกมทำฟาวล์ซึ่งเสี่ยงต่อการได้ใบเหลือง

วางบอลยาวให้ ดีโอโก้ โชต้า โขกลูกแรก ก่อนแอสซิสต์อีกลูกที่มี ซาดิโอ มาเน่ เข้าชาร์ตเพิ่มสกอร์เป็น 2-0 ให้ทีมเจ้าบ้าน

และแน่นอนว่านับตั้งแต่ได้ประเดิมสนามในถ้วยใบนี้ ไม่มีกองหลังคนไหนอีกแล้วที่แอสซิสต์ (9) ได้มากกว่าไปกว่าปราการหลัง ลิเวอร์พูล รายนี้

5.เกมที่ไม่มีการจับมือของสองกุนซือ

อย่างที่ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ บอกเอาไว้หลังจบนัดก่อนว่าเขาไม่ชอบวัฒนธรรมการสัมผัสมือหลังเกมเนื่องจากกุนซือทั้งสองทีมกำลังมีอารมณ์ที่แตกต่างกัน

และก็เป็นอย่างที่โค้ชอาร์เจนไตน์ให้สัมภาษณ์ย้ำคำเดิมในขณะแถลงข่าวก่อนเกมนัดสองว่าเขาไม่คิดจับมือกับ คล็อปป์ อย่างแน่นอนเนื่องจากไม่เห็นด้วยกับประเพณีของลีกเมืองผู้ดี

กระทั่งหลังสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้ายที่ แอนฟิลด์ ซิเมโอเน่ ซึ่งยืนรอสัมผัสมือ และโอบกอดลูกทีมที่เดินกลับเข้าอุโมงค์ก็ชิงเข้าห้องแต่งตัวไปก่อนหลังเห็นว่า คล็อปป์ ซึ่งเดินเข้าสนามไปเฮฮากับนักเตะกำลังจะเดินลงอุโมงค์

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ทั้ง ซิเมโอเน่ และ คล็อปป์ กลายเป็นกุนซือคู่อาฆาตที่สร้างสีสันให้กับวงการฟุตบอลเป็นที่เรียบร้อยแล้วไม่ว่าฝ่ายไหนจะเป็นผู้มีชัยในแต่ละเกมก็ตาม

 

สนับสนุนโดยเว็บไซต์ Betkub





NyPCkn.png NyPuOg.png NyP6aW.png NyP8x1.png NyPH6y.png NyPXWD.png NyPaK9.png